การบันทึกข้อความครั้งที่ 10
วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2561
เวลา 8.30-11.30
ความรู้ที่ได้รับ
การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยเพื่อให้สมองทำงานได้ดี
วิธีการเลี้ยงดูลูกให้มีความฉลาดและสมองดี
ปัจจัยสำคัญคือ “เวลา” ที่พ่อแม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกและมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้น ๆ
กับลูก
ลองมาดูเคล็ดลับที่ช่วยให้สมองของลูกทำงานได้ดีแบบที่พ่อแม่สร้างได้กันคะ
1 สร้างสมองของลูกให้ทำงานดี คือ
ดื่มน้ำให้มาก กินอาหารดี ๆ และนอนหลับให้เพียงพอสมอง”
ประกอบด้วยน้ำถึง 85% และต้องการออกซิเจนมากถึง 20%
ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายจึงจะสามารถ
ทำงานได้ดี ดังนั้น น้ำ และออกซิเจนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากต่อสมอง
2
กระตุ้นประสาทสัมผัสผ่านการลงมือทำเมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบกับประสาทสัมผัสของลูก
จะเกิดเป็นกระแสประสาทวิ่งไปสู่สมอง สมองจะรับรู้ข้อมูล
และส่งข้อมูลไปยังอวัยวะ
ที่เกี่ยวข้องโดยผ่านเส้นใยสมองที่ทำหน้าที่รับและส่งข้อมูล
ดังนั้นเมื่อลูกได้รับการ
กระตุ้นประสาทสัมผัสด้วยวิธีการที่เหมาะสม
ผ่านการเรียนรู้และลงมือทำ
ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียนหรือประสบการณ์ต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวัน
3 เล่านิทาน
หรืออ่านหนังสือที่หลากหลายให้ลูกฟังนิทาน” เป็นสิ่งที่สร้างฝันและจินตนาการได้ดีสำหรับลูก
เมื่ออ่านนิทานให้ลูกฟังจะทำให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดจินตนาการ
และกลายเป็นคลังคำศัพท์มหาศาลทางด้านภาษาให้แก่ลูกด้วย
คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกษะการฟังของลูกด้วยนิทานหลากหลายประเภท เช่น
นิทานคำกลอนที่มีเสียงคล้องจองกันสนุกสนาน หรือการปลูกฝังจริยธรรม ศีลธรรมเพื่อให้เด็ก
ๆ
ได้ซึมซับสิ่งดีงามเหล่านั้นผ่านนิทาน
4
เล่นสีและสร้างสรรค์งานศิลปะงานศิลปะสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ
ให้เด็กเสมอ
ในเด็กอายุ 2 - 3 ปีควรเริ่มเล่นสีจากการระบายสีน้ำแบบ Wet
on Wet เพราะเด็กจะรู้สึกสงบ
จากภายในเมื่อได้เฝ้าดูสีต่าง ๆ
ที่ไหลรวมกัน แล้วจึงเขยิบเปลี่ยนเป็นสีเทียนแท่งอ้วน ๆ
และสีไม้แท่งใหญ่ที่จับถนัดมือ การให้ลูกได้วาดเส้นระบายสีเป็นการฝึกใช้
กล้ามเนื้อมัดเล็กที่จะส่งผลให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
และยังเป็นการสร้างสมาธิ ความจดจ่อ มือตาสัมพันธ์กัน
5
ส่งเสริมให้ลูกได้เล่นดนตรี หรือกิจกรรมเคลื่อนไหวมีงานวิจัยพบว่าเสียงดนตรีสามารถ
เพิ่มความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลได้
และดนตรียังใช้พัฒนาสมองซีกขวาที่ทำหน้าที่เกี่ยว
กับการมองภาพรวมได้ดี
การใช้กิจกรรมเข้าจังหวะหรือการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวง่าย ๆ
โดยใช้ดนตรี ที่พ่อแม่สามารถทำกับลูกได้
เช่น ร้องเพลงกับลูก ช่วยกันคิดท่าทางประกอบเพลง
ซึ่งนอกจากกระตุ้นสมองของลูกยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวที่ดีอีกด้วย
6 ทำอาหารด้วยกันการทำอาหารเป็นกระตุ้นสมองลูกได้
เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ครบถ้วน
ได้แก่ การใช้ตามองดูอาหารว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง จมูกรับรู้กลิ่น
ลิ้นชิมรสชาติ
หูต้องคอยฟังเสียงในการทอด ผัด
7 เล่นบทบาทสมมติการเล่นสมมติเป็นกิจกรรมที่เอื้อให้เด็กได้ใช้จินตนาการเป็นอย่างมาก
ทำให้สมองได้คิดเชื่อมโยงจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่งได้
การปล่อยให้ลูกได้เล่นสมมติ
ด้วยตัวเองโดยที่พ่อแม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในจินตนาการของลูกอิสระอยู่ในโลกที่เขาสร้าง
ขึ้นจะกระตุ้นให้สมองเกิดการเชื่อมโยงเป็นอย่างมาก
และเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นไป
ได้ของการริเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ
โดยไม่มีคำว่าอุปสรรคเข้ามายุ่งเกี่ยว
8 เล่นของเล่นที่พัฒนาทักษะและความคิดในสมองจะมีการหลั่งสารเคมีที่ทำให้เกิดความสุข
ที่จะไปเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ให้สูงขึ้น” อิทธิพลของการเล่นจึงเป็นที่
ยอมรับในระดับสากลว่าผลต่อพัฒนาการด้านร่างกาย
อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ควรหลีกเลี่ยงของเล่นสำเร็จรูปที่เล่นด้วยกลไกของมันเอง
เพราะไม่เกิดการลงมือทำ
ดังนั้นการเลือกของเล่นให้ลูกควรเลือกแบบที่
ลูกจะได้ลงมือทำด้วยจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ทักษะต่าง
ๆ มากกว่าการเล่นของ
เล่นสำเร็จรูปที่ลูกแทบไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
9
เปิดโอกาสให้ลูกได้แก้ปัญหาด้วยตัวเองพ่อแม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้การ
แก้ปัญหาด้วยตัวเอง
จะทำให้เด็กไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค
และรู้จักใช้
สมองส่วนหน้าที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ได้ แก้ปัญหาเป็น
และสื่อสารความคิด
ของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ลูกจะเรียนรู้ "การพึ่งตนเอง
10
ให้การสนับสนุนลูกในสิ่งที่ลูกชอบพ่อแม่ไม่ควรปล่อยโอกาสในขณะ
ที่ลูกมีความอยากรู้ผ่านไปเฉย
ๆ ควรช่วยหาคำตอบมาอธิบายลูกในสิ่งที่เขาสงสัย
เพราะจะช่วยให้ลูกมีแรงจูงใจ
และกระตุ้นให้สมองเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
พ่อแม่ที่เพิกเฉยต่อการตอบคำถามของลูกจะเสียเปรียบครอบครัวที่คอยตอบคำถามลูก
การมีต้นทุนชีวิตที่ไม่ต่างกันแต่มีศักยภาพที่ต่างกันนั้นเกิดขึ้นได้จากความใส่ใจของพ่อแม่นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น